วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ออกบ้านไปสมุย + เกาะนางยวน



ทริปนี้ ลูกสาวคนเล็ก ไปไกลถึงสมุย จริงๆแล้วไปดูงาน แต่ช่วงว่างๆ ก็จัดทริปส่วนตัว ตะลุยสมุยกันหน่อยคราวนี้ อีกหนึ่งเกาะที่สวยงาม และแหล่งรายได้ของไทย (( ชาวต่างชาติเยอะมากๆ ))
มาสมุยคราวนี้ นั่งรถมาลง สุราษฯ และต่อเรือเฟอร์รี่ มายังเกาะสมุยค่ะ ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ


ความดังของที่นี่ ต้องยกให้เรื่อง
 สถานที่ท่องเที่ยว และ อาหารการกิน ที่อุดมสมบูรณ์ 
ถึงสมุย จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็มีกิจกรรมต่างๆที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาแวะเวียนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การดำน้ำ ดูแหล่งปะการัง พายเรือคายัค กิจกรรมอ๊อฟโรดอีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่ถ้าใครมาสมุยแล้วไม่มา ไม่ได้ ก็คือ หินตา หินยาย ค่ะ เป็นตำนานเก่าแก่ของที่นี่ด้วย 
ต้องมาดูให้เห็นกัยตาน่ะค่ะ สวยมากๆ และบรรยากาศดี ลมเย็นสบาย


อีกที่หนึ่งที่มีความสวยงาม ไม่แพ้กัน แต่เป็นความสวยงามทางพระพุทธศาสนา ที่วัดพระใหญ่ แห่งนี้  ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ไหน คนไทย หรือเทศ ก็ต้องพาคุณมาขอพร ณ วันแห่งนี้แน่นอน ^^


ส่วนใครที่อยากดู พระอาทิตย์ขึ้น และตก ที่สวยงาม ได้บบรยากาศ ก็ต้องแวะไปที่จุดชมวิวค่ะ เป็นจุดที่มองเห็นผืนน้ำเป็นพานอราม่า วิว เลยที่เดียว บอกได้คำเดียวว่าสวยมากๆ ทุกคนที่ผ่านไปมาต้องมาแวะถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึกอย่างแน่นอนค่ะ 


ทริปนี้ ทั้งเที่ยว ทั้งกิน งั้นเราก็มาต่อเรื่องกินๆกันต่อเลยดีกว่า
 อาหารการกินที่นี่ ทำให้น้ำหนักขึ้นเอาง่ายๆเลย ทั้งอาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองที่นี่  อร่อยเอาเรื่องและก็แพงเอาเรื่องเหมือนกัน 555+ 
เก็บภาพอาหารมาฝากเพราะมันเกินจะบรรยายจริงๆค่ะ


เล่ามาซะยาวแล้วเราพักที่สมุยไว้ก่อน เพราะเราจะข้ามเกาะ ไปเยือนเกาะนางยวนกัน ^^/ ว่าแล้วก็ขึ้นเรือเลยดีกว่า นั่งเรื่อจากเกาะสมุยไปเกาะนางยวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ (เมาเรือกันไป เพราะคลื่นสูง)    แต่พอถึงเกาะเท่านั้นหละ อาการเมาเรือหายเฉย 555+ ตะลึง ตาค้างกับความสวยงามของเกาะนี้แทน 


แต่ที่เกาะนี้เรามีเวลาไม่มากนัก เพราะเกาะปิด 5 โมง 
(เป็นเกาะสัมปทาน) ไปแบบวันเดย์ 
ว่าแล้วก็ไม่รอช้ารวบรวมพลังที่พกมา เดินขึ้นไปยังจุดชมวิว (หอบแฮ่กๆ) สวยมากจริงๆ อย่างกะอยู่บนสวรรค์ซะอย่างงั้น หลังจากอิ่มกับบรรยากาศด้านบนแล้วก็ หอบแฮ่กๆ  อีกครั้งเพื่อไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับดำน้ำตื้น ปลาเยอะดี ปะการังสวย ทริปนี้สนุกมากจริงๆ 


ใครว่างๆ หาโอกาศไปเที่ยวกันน่ะค่ะ ประทับใจในความสวยงามมาก 
จนภาพยังเก็บความประทับใจมาไม่หมดเลยจริงๆ

หลักจากกลับมาจากเกาะนางยวน ก็มายังเกาะสมุยใช้ชีวิตอยู่กับแหล่งอาหารอันสมบูรณ์ซักพัก สะสางภารกิจต่างๆ ก็เดินทางกลับ เชียงใหม่ ค่ะ 

**จบทริปแล้ว**
ขอบคุณที่ติดตามน่ะค่ะ













วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขายรอบ 2 เลิฟเบิร์ด 22/2/55

ลิฟเบิร์ด....................@BirdHome*
 
--------------------------------------------------------
รอบ 2 เลิฟเบิร์ดลูกป้อน ขอบตา - 22/2/55
-------------------------------------------------------------------------

รอบนี้ มีลูกป้อน มาขายค่ะ เป็นลูกป้อนเลิฟเบิร์ด ขอบตา
รอบนี้มีสี ฟ้า-ขาว , เหลือง , เหลือง ปากแดง , และ ฟ้าเทา ค่ะ 

ราคาไม่แพงค่ะ สนใจสอบถามได้น่ะค่ะ
โทร 086 910 6430 , อีเมลล์ birdhome.mom@gmail.com


** รอบนี้ไม่มีรูปน้องนกน่ะค่ะ แม่เค้าไม่ยอมให้ถ่ายง่ายๆเลยค่ะ 
หรือใคร อยู่ใกล้ๆแวะไปชมที่บ้านได้เลยค่ะ 
อยู่หางดง จ.เชียงใหม่ น่ะค่ะ 


วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เปิดบ้าน BirdHome*


วันนี้ มาเปิดบ้าน BirdHome* กันค่ะ บ้านนกหลังน้อยนี้ 
ถ้าดูดีๆ ก็จะเหมือนบ้านเล็กในป่าใหญ่เลยที่เดียว 555+ 
เพราะบ้านเราชอบปลูกต้นไม้กัน ให้มันร่มๆเข้าไว้ จะได้ไม่ร้อน ^^ 



        แรกเริ่ม เดิมที บ้านเรามีแต่น้องหมา วิ่งไปมา ตามสวนหน้าบ้าน เริ่มมีนกตัวแรก ชื่อ นกแก้ว แต่เป็นนก เลิฟเบิร์ดค่ะ ไม่ได้ซื้อหามาแต่อย่างใดเหตุที่มีเจ้าแก้วนี้ ก็เพราะอยู่ดีๆมันบินมาเกาะรั่วหน้าบ้านแบบไม่กลัวหมาๆเลยทีเดียว หมาก็เห่าๆๆๆอยู่นาน ออกมาดูปรากฎว่า มีนกตัวนึงเดินเกาะไปมา
อยู่ที่รั่วบ้าน และเดินไปตามกำแพง แม่เลยเอากล้วยที่มีในบ้านมาวางไว้ให้ที่เสา เผื่อว่ามันจะหิว ไม่รู้ว่ามันติดใจกล้วยที่ให้ หรืออย่างไร มาทุกวัน จนกลัวว่าถ้ายังเดินไปมาแบบนี้ เดี๋ยวแมวจะมาสอยไปกินซะก่อน ก็เลยพยายามเจรจากับเจ้านกว่าจะไปซื้อกรงมาให้ จะหาข้าวปลา อาหารเลี้ยงครบทุกมื้อ 



นั่นเลยเป็นสาเหตุที่อยู่ดีๆ เราก็มีนกมาอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยหมา และกลัวว่าเจ้าแก้วจะเหงาก็ไปหาซื้อแฟนสาวมาให้ ปรากฏว่ารักกันดี จนมีลูก มีเต้า และความน่ารักของมันก็ทำให้นกบ้านเรา เพิ่มจาก 1 คู่ เป็น 2 3 4 จนเริ่มสะสม หาสีสวยๆ เลี้ยงไปเลี้ยงมา ก็ปรากฎว่า เต็มโรงรถเลยทีเดียว 



พอนกเริ่มเยอะขึ้นๆ ก็ต้องมา ปฎิวัติโรงรถ ให้กลายเป็นโรงนก ซะแล้ว โดยการทำเป็นห้อง ล้อมด้วยมุ้งลวด เพื่อกันพวก ยุง และแมลง หรือ งู ต่างๆจะเข้ามาทำร้ายนกได้ ปลอดภัย หายห่วง 
นกส่วนมากที่มี ก็จะเป็นพวกนกตัวเล็ก ๆ อย่าง เลิฟเบิร์ด หงส์หยก ซีบร้าฟินซ์ ฟอพัส และค๊อกคาเทล ค่ะ ตอนนี้รู้สึกว่าโรงนกที่เรามีจะเริ่มแคบซะแล้ว อาจจะต้องทำการขยายพื้นทีเพิ่มหรืออย่างไรไว้จามาบอกเล่ากันต่อในรอบหน้าน่ะค่ะ  






  

เรื่องของนก ค๊อกคาเทล

--เรื่องของนก--

   ค๊อกคาเทล   


เนื่องจาก “ ค็อกคาเทล ” เป็นนกแก้วสายพันธุ์เล็กที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียที่มีกลักษณะเด่นที่หงอน เป็นนกที่ไม่ส่งเสียงดังมีเสียงนุ่มนวล ถ้าเป็นเพศผู้จะส่งเสียงร้องเป็นทำนอง เมื่อฝึกดี ๆ บางตัวสอนพูดและร้องเพลงได้ แต่ว่าเสียงจะไม่ชัดจนเท่านกแก้วชนิดอื่น คนไทยจึงเลี้ยงนกชนิดนี้กันมากขึ้นด้วยเสน่ห์ที่ความเชื่องของมัน ค็อกคาเทลชอบให้คนจับตัวและลูบหัวเบา ๆ ถ้าซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นนกเล็ก ๆ จะเชื่องและรักเจ้าของมาก 


การพัฒนาสายพันธุ์ค็อกคาเทลในประเทศไทยมีอย่างต่อเนื่องปัจจุบันสายพันธุ์ค็อกคาเทลแก้มเหลืองจะหายากและเป็นที่นิยมส่วนใหญ่จะสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ มีเรื่องที่น่ายินดีที่มีคนไทยประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ค็อกคาเทลแก้มเหลืองได้แล้ว 


ค็อกคาเทลที่เลี้ยงในบ้านเราส่วนใหญ่จะมีแก้มสีส้ม-แดง แต่ถ้าเป็นค็อกคาเทลแก้มเหลืองจะหายากมาก หลายคนซื้อพ่อ-พันธุ์มาจากต่างประเทศในราคาหลักหมื่นบาทต่อตัวแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ แต่ปัจจุบันประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ค็อกคาเทลแก้มเหลืองได้แล้ว รูปแบบการเลี้ยงนกค็อกคาเทลนั้นควรจะเลี้ยงในระบบปิดซึ่งทำให้ป้องกันปัญหาเรื่องไข้หวัดนกได้ 


การฝึกความเชื่องเบื้องต้น เช่น การมาเกาะที่นิ้วมือให้ป้อนอาหาร บริการเลี้ยงจนลูกนกมีอายุได้ 2-3 เดือน ซึ่งในช่วงอายุนี้นกจะกินอาหารได้เองแล้วเจ้าของมารับลูกนกกลับไปเลี้ยงเองได้แล้วสอนให้หัดพูดและสอนให้เชื่องต่อไป สำหรับกรงที่เหมาะต่อการเลี้ยงค็อกคาเทลถ้าหลีกเลี่ยงได้ไม่ควรใช้กรงที่ทำจากไม้เนื่องจากอายุการใช้งานสั้นและจะเกิดปัญหานกจะกัดแทะไม้ด้วย ควรจะใช้กรงที่ทำจากโลหะหรือโครเมี่ยมง่ายต่อการเก็บรักษาและทำความสะอาด กรงที่ใช้เพาะเลี้ยงต้องมีซี่ตรงพื้นด้านล่างเพื่อให้สิ่งสกปรกหล่นลงไป 


เนื่องจากนิสัยของค็อกคาเทลบางตัวชอบเก็บเปลือกและสิ่งปฏิกูลมากินหรือแทะเล่น คนที่เลี้ยงค็อกคาเทลมากกว่า 5 ตัวต่อกรง ควรจะใช้กรงขนาดใหญ่อย่างน้อยที่สุดขนาดของกรงจะต้องมีความกว้าง 20 นิ้ว และสูง 26 นิ้ว แต่ถ้ามีเนื้อที่และขนาดใหญ่กว่านี้ยิ่งดีจะทำให้นกโผบินได้สะดวกขึ้น ผู้ที่คิดจะเลี้ยงค็อกคาเทลอย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่องของอาหารจะต้องยึดอยู่เสมอว่า “ การให้อาหารที่เหมาะสมจะทำให้นกมีสุขภาพร่างกายที่ดีและอายุยืนยาว ” 


นกคอคคาเทลต่างจากนกอื่นๆในตระกูลนกแก้วหรือนกปากขอตรงที่คอคคาเทลไม่มีเม็ดสีฟ้าในขน เราจะพบเม็ดสีในขนนกคอคคาเทลอยู่ 2 กลุ่ม คือ สีโทนเหลืองและส้ม แต่ในนกแก้วปากขอชนิดอื่นจะมีเม็ดสีฟ้าในขน ซึ่งเมื่อใดที่เม็ดสีดำหรือสีน้ำตาลไม่ปรากฎออกมาเม็ดสีฟ้าและเหลืองจะรวมตัวกัน( สีโทนเขียว ) ขึ้นมาแทน เช่น นกแก้ว นกหงส์หยก


ขอบคุณบทความดีๆนี้จาก
คุณจารุเนตร เบิร์ดฟาร์ม
 ขอบคุณก๊าาบ

เรื่องของนก ฟินซ์

--เรื่องของนก--

   ฟินซ์   


ประวัติและความเป็นมาของ นกฟินช์

          นกฟินช์ (Finches) นกรูปร่างเล็ก ๆ น่าเอ็นดู มีสีสวย มีกิริยาปราดเปรียวว่องไว เลี้ยงดูง่าย นกตระกูลนี้แยกพันธุ์ออกไปเป็นชนิดต่าง ๆ เท่าที่นักเลี้ยงทั่วไปได้สะสมกันเอาไว้นั้นมีเกือบ 100 ชนิด ถิ่นกำเนิดแต่ดั้งเดิมของนกตระกูลนี้มีอยู่ในเขตร้อน อาทิเช่น แอฟริกา ออสเตรเลีย และในแถบเอเชีย ทั้งนี้ ชนิดที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดสัตว์เลี้ยงที่นับว่าคุ้นตาดีนั้นมีชื่อเรียกแยกเป็นชนิดและสี 

          ทั้งนี้ นกในตระกูล นกฟินช์ ทุกชนิดเป็นนกซึ่งมีขนาดเล็ก แข็งแรง และปราดเปรียว กินอยู่ก็ง่ายเกือบไม่สิ้นเปลืองอะไรเลยฉะนั้นกรงและที่อยู่อาศัยนั้น สำหรับ นกฟินช์ จึงไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไรนัก 

          ถ้าท่านมีกรงภายนอกซึ่งใช้เลี้ยงนกอื่นอยู่แล้ว เมื่ออยากเลี้ยงนกฟินช์ ท่านก็นำนกฟินช์ไปปล่อยลงได้เลย ถ้าท่านต้องการที่จะเลี้ยงดูภายในกรงแบบแขวน หรือตั้งขนาดเล็ก ๆ ภายในห้อง นกฟินซ์ก็สามารถจะอยู่ได้อย่างมีความสุข 

          เมื่อสืบค้นจากประวัติในอดีตพบว่า...มร.จอห์น โกล์ด นักธรรมชาติวิทยา และ ภรรยานักศิลปิน (ไม่ได้ระบุชื่อ) คือ...ผู้ที่ร่วมกันค้นพบนก Gouldian Finch เป็นคนแรก ในระหว่างการท่องเที่ยวออสเตรเลีย เมื่อราวปี ค.ศ.1883-1884

          ต่อมา ภรรยาของ มร.โกล์ด ได้เสียชีวิต ขณะเดินทางกลับประเทศอังกฤษ เขาจึงตั้งชื่อนกตระกูลนี้ว่า Lady Gouldian Finch เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่ภรรยาผู้วายชนม์ ซึ่งเขามองว่า...มันเป็นนกที่สวยงามรองจากภรรยาของเขานั่นเอง...!!!

          และต่อมา ในปี ค.ศ.1887 นกฟินช์หัวสีดำและหัวสีแดงได้ถูกนำเข้าประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับความสนใจแก่ผู้นิยมเลี้ยงนกสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

          สำหรับ คนไทย ไม่ค่อยได้พบเห็น และรู้จักกันน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจก็คือ นกคีรีบูนป่า (Wild Canary finch) คือ ต้นแบบของ นกฟินช์แท้ๆ ในวงศ์นี้เช่นเดียวกัน

          แต่เมื่อ เปิดเอกสารด้านอนุกรมวิธาน คำว่า "ฟินช์" ที่แท้มาจาก นกขนาดเล็กกินเมล็ดพืชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีจำนวนชนิด และเป็นที่รู้จักในหมู่นักเลี้ยงนกฟินช์มากที่สุด คือ นกที่อยู่ในวงศ์ นกกระจาบ (Estrildidae) มีชื่อเรียกอีกมากมายว่า พวกนกแวกซ์บิล (Waxbill finch), ซีบร้าฟินช์ (zebra finch), ฟินช์เจ็ดสี (Gouldian finch), ไฟร์ฟินช์ (Fire finch), กอร์ดอนบลู (Cordon-Bleus), ไฟร์เทลฟินช์ (Firetail finch), คัทโทรดฟินช์ (Cut-thoat finch), แพรอทฟินช์ (Parrot finch), พวกนกกระติ๊ดต่าง (Munias finch) และที่ยอดนิยมที่สุดอย่างพวก....กระจอกชวา (Java Sparrow)...

          อย่างไรก็ตาม ในการเรียกชื่อโดยรวมว่า...นกฟินช์ ก็ไม่ได้ผิดอะไร !?!...เพราะพิจารณา จากพื้นฐานสรีระ, ความเป็นอยู่, อาหารการกิน และ   การสร้างรัง   ฯลฯ ล้วนมีความคล้ายคลึงเกี่ยวดองกันอย่างใกล้ชิด แต่การศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในชีวิตของนกชนิดนี้...เป็นการเริ่มต้นที่ช่วยให้ผู้ เลี้ยง "นกฟินช์" มือใหม่ มือเก่า และผู้สนใจ ดำเนินไปอย่างลึกซึ้งละเอียดลออได้ในอนาคต 

          เรื่องง่าย ๆ ที่ท่านไม่ควรลืม ถ้าหากท่านคิดจะเลี้ยง นกฟินซ์ ด้วยกรงเล็ก ๆ นั้นมีดังนี้ 
           โปรดเลือกซื้อกรงที่สามารถดึงพื้นกรง ถ้วยใส่อาหารและถ้วยน้ำ ออกมาทำความสะอาดได้สะดวกและกรงนั้นต้องมีซี่ลวดกั้นขนาดเล็กอันเป็นกรงของ นกฟินช์ โดยเฉพาะ 

           โปรดเลือกซื้อกรงที่ชุบโครเมียม ถ้าท่านมีงบประมาณเพียงพอ เพราะกรงธรรมดาที่ใช้สีพ่นหรือทานั้น แม้จะมีราคาถูกกว่า แต่สีก็จะหลุดแตกและเป็นสนิมในเวลาอันสั้น กรงพลาสติกก็สวยและใช้ได้ดี ถ้ามันไม่เกิดการพลาดตกลงมา 

           โปรดเลือกซื้อกรงที่มีอุปกรณ์ภายในอยู่พร้อมเสร็จ อาทิเช่น คอน ชิงช้า ถ้วย ซึ่งของเหล่านี้ กรงที่มีคุณภาพดี ย่อมมีอยู่พร้อมเสร็จ 

           โปรดตั้งหรือแขวนกรงในที่ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้ มีแสงสว่างพอสมควร ไม่ถูกลมโกรกหรือถูกแดดจัดจนเกินไป 

 
ลักษณะของ นกฟินช์ ที่ดี

 เมื่อท่านซื้อนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนกซึ่งมีรูปร่างเล็ก ๆ เช่น นกฟินช์ ท่านจะต้องระมัดระวังในการซื้อเป็นพิเศษ เพราะนกเล็ก ๆ นั้น มีความบอบบาง อาการป่วยของนกเล็ก ๆ นั้นอาจหายขาดได้ง่าย เช่นเดียวกับการตายง่ายในระยะเวลาอันสั้น ฉะนั้นก่อนจะซื้อโปรดตรวจตราสุขภาพและกิริยาของนกให้เป็นที่แน่ใจเสียก่อน หลักใหญ่ ๆ ในการเลือก นกฟินซ์ มีดังนี้ 
           อย่าซื้อ นกฟินซ์ ซึ่งมีขนพอง เกาะนิ่งอยู่ที่เดียวด้วยกิริยาที่เหงาหงอย 

           อย่าซื้อ นกฟินซ์ ซึ่งมีก้นเปียก และถ่ายอุจจาระออกมาเป็นน้ำใส หรือมีอุจจาระเป็นสีเขียว 

           อย่าซื้อ นกฟินซ์ ซึ่งอยู่ในระยะผลัดขน เพราะอาการเช่นนี้ไม่สามารถทราบได้ว่านกนั้น จะอยู่ในระยะผลัดขนธรรมดา หรือนกเป็นโรคอย่างหนึ่งอย่างใด 

          อย่าซื้อ นกฟินซ์ ซึ่งมีอาการตื่น และตกใจง่าย ซุกหัวรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม เพราะนกนั้นอาจเป็นนกป่าซึ่งพึ่งจับมาได้ ถ้าท่านเลือกซื้อนกที่มีสุขภาพ และร่างกายสมบูรณ์ดี นกนั้นก็จะอยู่กับท่านได้นานเท่านาน 


อาหารของ นกฟินช์

อาหารโดยทั่วไปก็เป็นเมล็ดข้าวชนิดต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็ก เช่น ข้าวผสมของนกคีรีบูน ข้าวฟ่าง เป็นต้น นกฟินช์ แม้จะจัดอยู่ในจำพวกกินเมล็ดข้าว แต่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่กินแมลงเล็ก ๆ เลย นกฟินช์ บางชนิดในเวลาปกติอาจกินเมล็ดข้าว แต่ในเวลาผสมพันธุ์หรือฟักเลี้ยงก็ต้องให้อาหารจำพวกแมลงเพิ่มขึ้นด้วย มิฉะนั้นการฟักเลี้ยงก็จะเป็นไปอย่างไร้ผล 
          นอกจากเมล็ดข้าว แมลง ดอกหญ้าชนิดต่าง ๆ แล้ว อาหารพวกพืชผักสด เช่น ใบผักกาด ใบหญ้า หรือผักสวนครัวชนิดอื่น ๆ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกัน 

          การให้อาหารพวกพืชผักสดนี้โดยทั่วไป มักใส่ไว้ในกรงประมาณ 6 - 8 ชั่วโมงแล้วนำออก ไม่ควรปล่อยทิ้งให้แห้งหรือเน่าอยู่ภายในจนถึงวันรุ่งขึ้น เพราะหาก นกฟินซ์ ลงมากินอีกจะทำให้ท้องเสียได้ แอปเปิ้ลชิ้นบาง ๆ และกลีบส้ม สองสิ่งนี้เป็นของโปรดของ นกฟินซ์ แต่ไม่ควรให้มากหรือบ่อยครั้งจนเกินไป เพราะจะทำให้ นกฟินซ์ ท้องเสียได้เช่นเดียวกัน 





ขอบคุณบทความดีๆนี้จาก 
http://pet.kapook.com
ขอบคุณก๊าาบ